สำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) รายงานเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งภูฏาน พระชนมายุ 31 พรรษา ทรงประกาศหมั้นหญิงสามัญชน และจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสในเดือนตุลาคมนี้
รายงานระบุว่า ข่าวดีดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นโดย ดาโซ คินลีย์ ดอร์จี เลขานุการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งภูฏาน โดยเธอได้เล่าว่า เจ้าชายจิกมี่ ทรงเปิดเผยข่าวดีนี้ ในช่วงเปิดการประชุมสภาว่า พระองค์ทรงหมั้นและกำลังจะมีพิธีอภิเษกสมรสในเดือนตุลาคมนี้ โดยหญิงสาวผู้โชคดีที่กำลังจะเป็นพระมเหสีของเจ้าชายจิกมี่ เป็นหญิงสาวสามัญชน นามว่า เจตซัน เปมา ชาวภูฎาน วัย 21 ปี ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์เฟิร์ด
ซึ่งพระกระแสรับสั่งของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ดังกล่าวมีดังนี้ “ข้าพเจ้าคิดมานานแล้ว และตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแต่งงาน เหล่าพสกนิกรของข้าพเจ้าคาดหวังไว้ว่าผู้ที่จะมาเป็นราชินีในอนาคตของพวกเขาจะต้องสวยสง่า เพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ มีการศึกษาที่ดี ซึ่ง เจตซัน เปมา คนรักของข้าพเจ้านั้น เป็นผู้หญิงที่มีหัวใจที่งดงาม จิตใจดี และพร้อมที่จะสนับสนุนข้าพเจ้าในทุก ๆ เรื่อง และเป็นคนที่ข้าพเจ้าไว้วางใจมาก ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าเหล่าพสกนิกรจะพูดถึงเธอว่าอย่างไรกันบ้าง แต่ข้าพเจ้าบอกได้เพียงว่า เจตซัน เปมา มีคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมเท่าที่สตรีคนหนึ่งพึงมี”
สำหรับ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก เสด็จพระราชสมภพเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และ สมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 โดยในขณะนั้น พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระเยาว์ที่สุดในโลก แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น พระองค์ก็ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่าทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จากการที่ทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน จึงสร้างความประทับใจแก่พสกนิกรอย่างสูง ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ต้องทรงรับพระราชภารกิจการบริหารประเทศ เนื่องจากสมเด็จพระราชบิดาได้ทรงวางระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว แต่พระองค์เองก็ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ในการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 650,000 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ
สำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) รายงานเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งภูฏาน พระชนมายุ 31 พรรษา ทรงประกาศหมั้นหญิงสามัญชน และจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสในเดือนตุลาคมนี้
รายงานระบุว่า ข่าวดีดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นโดย ดาโซ คินลีย์ ดอร์จี เลขานุการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งภูฏาน โดยเธอได้เล่าว่า เจ้าชายจิกมี่ ทรงเปิดเผยข่าวดีนี้ ในช่วงเปิดการประชุมสภาว่า พระองค์ทรงหมั้นและกำลังจะมีพิธีอภิเษกสมรสในเดือนตุลาคมนี้ โดยหญิงสาวผู้โชคดีที่กำลังจะเป็นพระมเหสีของเจ้าชายจิกมี่ เป็นหญิงสาวสามัญชน นามว่า เจตซัน เปมา ชาวภูฎาน วัย 21 ปี ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์เฟิร์ด
ซึ่งพระกระแสรับสั่งของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ดังกล่าวมีดังนี้ “ข้าพเจ้าคิดมานานแล้ว และตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแต่งงาน เหล่าพสกนิกรของข้าพเจ้าคาดหวังไว้ว่าผู้ที่จะมาเป็นราชินีในอนาคตของพวกเขาจะต้องสวยสง่า เพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ มีการศึกษาที่ดี ซึ่ง เจตซัน เปมา คนรักของข้าพเจ้านั้น เป็นผู้หญิงที่มีหัวใจที่งดงาม จิตใจดี และพร้อมที่จะสนับสนุนข้าพเจ้าในทุก ๆ เรื่อง และเป็นคนที่ข้าพเจ้าไว้วางใจมาก ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าเหล่าพสกนิกรจะพูดถึงเธอว่าอย่างไรกันบ้าง แต่ข้าพเจ้าบอกได้เพียงว่า เจตซัน เปมา มีคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมเท่าที่สตรีคนหนึ่งพึงมี”
สำหรับ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก เสด็จพระราชสมภพเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และ สมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 โดยในขณะนั้น พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระเยาว์ที่สุดในโลก แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น พระองค์ก็ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่าทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จากการที่ทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน จึงสร้างความประทับใจแก่พสกนิกรอย่างสูง ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ต้องทรงรับพระราชภารกิจการบริหารประเทศ เนื่องจากสมเด็จพระราชบิดาได้ทรงวางระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว แต่พระองค์เองก็ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ในการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 650,000 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ
No comments:
Post a Comment